วัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร
(รายละเอียด) |
อนุสาวรีย์พระครูบาศรีวิชัย ตั้งอยู่บนทางขึ้นดอยสุเทพ ก่อนถึงน้ำตกห้วยแก้ว ครูบาศรีวิชัยเป็นนักบุญแห่งลานนาไทย ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงใหม่ และประชาชนโดยทั่วไป เมื่อปี พ.ศ. 2477 พระครูบาศรีวิชัยขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีโสดาเริ่มชักชวนประชาชนสร้างถนนจากเชิงดอยถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ รวมระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตรโดยใช้เวลาสร้างประมาณ 6 เดือน ต่อมาชาวเชียงใหม่จึงได้สร้างอนุสาวรีย์พระครูบาศรีวิชัยไว้เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อสักการะบูชาสืบไปวัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตรเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและทางประวัติศาสตร์ของนครเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1927 ในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์ที่ ๙ โดยพระเจ้ากือนาทรงรับสั่งให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมนเถระ นำมาจากเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งได้ขุดพบจากนิมิตฝันของพระมหาสุมนเอง เมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาสู่เชียงใหม่แล้ว พระธาตุได้แยกเป็นสองส่วน พระเจ้ากือนาทรงเลื่อมใส ได้อัญเชิญบรรจุไว้ที่พระธาตุวัดสวนดอก ส่วนองค์ที่สอง ได้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างเพื่อเสี่ยงทายว่า ช้างหยุดที่ใด ก็จะสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่นั่น แล้วปล่อยช้างไป ช้างได้มุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันตก ขึ้นไปยังดอยสุเทวะฤาษี หรือดอยสุเทพปัจจุบัน แล้วมาหยุดที่ยอดดอยสุเทพ ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ทรงมอญที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพมีชื่อเต็มว่า"วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพวรวิหาร" ซึ่งจัดได้ว่าเป็นปูชนียสถานที่แสดงออกถึงศิลปกรรมล้านนาไทยที่สำคัญคู่เมืองเชียงใหม่ เป็นสถานที่เคารพบูชาที่มีความสวยงามเป็นที่รู้จักและนิยมไปสักการะของประชาชนทั่วไป พระบรมธาตุดอยสุเทพ ความหมายของพระบรมธาตุหมายถึง พระอัฐิที่ผุกร่อนหรือเถ้าถ่านของพระพุทธเจ้า ซึ่งมารวมตัวอัดแน่นเป็นก้อนแข็งราวกับแร่ธาตุชนิดหนึ่งแล้วก็ตกผลึกมีแสงแวววาวระยิบระยับ ประหนึ่งก้อนหยกที่ถูกเจียรไนแล้ว ขนาดสัณฐานของพระบรมธาตุมีลักษณะกลมเล็กสะท้อนแสง ขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว พระบรมธาตุที่แท้จริงจะสำแดงนิมิตปาฏิหารย์ได้ โดยทั่วไปจะมีสีแสงโชติช่วงในเวลากลางคืนและมีพลังอำนาจในตัวของมันเอง จะมีทั้งแยกธาตุ - รวมธาตุและสลายธาตุหายไป ได้โดยพลังอำนาจฉับพลันราวกับปาฏิหารย์ ชาวพุทธนิยมเก็บพระบรมธาตุไว้ในเจดีย์ หรือไม่ก็ขุดฝังไว้ภายใต้องค์พระเจดีย์ เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมทั้งยังเป็นการสร้างสถานที่สำคัญไว้เคารพบูชาของคนและเทวดาทั้งหลาย และยังเป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่พระบรมธาตุมีพลานุภาพอย่างมาก หากใครได้ยินได้ฟังแล้วก็อยากจะมาเยี่ยมชมและกราบไหว้นมัสการองค์พระเจดีย์อยู่มิได้ขาด
บันไดนาค มีบันไดนาคทอดยาวขึ้นไปสู่วัด บันไดนาค เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของวัดพระธาตุดอยสุเทพ มีความงดงามทางด้านศิลปะที่ทรงคุณค่า และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวผู้มานมัสการพระบรมธาตุ มักจะต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกที่ด้านของบันไดนาค ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามและมีเสน่ห์เมื่อมองขึ้นไปตามขั้นได นักท่องเที่ยวที่มาเยือนครั้งแรก มักจะเดิน ขึ้นหรือเดินลงบันไดนาคเสมอ แต่ส่วนใหญ่มักจะเดินลง ส่วนตอนขึ้นนั้นมักจะขึ้นทางลิฟท์หรือรถรางไฟฟ้า
ในสมัยก่อน การขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน เพราะไม่มีถนนสะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน ทางเดินก็แคบๆ และ ไม่ราบเรียบ ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพร และปีนเขาต้องใช้เวลายาวนานถึง 5ชั่วโมงกว่า จนมีคำกล่าวขานกันทั่วไปในสมัยนั้นว่า ถ้าไม่มีพลังบุญและศรัทธาเลื่อมใสจริงๆ ก็จะไม่มีโอกาสได้ กราบไหว้ พระธาตุดอยสุเทพฯ
เยี่ยมชม...โรงงานหยกที่ใหญ่ที่สุด
โรงงานหยกที่ใหญ่ที่สุด. เยี่ยมชม...โรงงานหยกที่ใหญ่ที่สุด ที่ลานจอดรถบนดอยสุเทพฯ ชมการตัดหินหยก การเจียระไนหยกและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หยก? อัญมณีจากสวรรค์มีพลังเร้นลับ บรรดาลความเป็นศิริมงคล หยกเป็นสื่อของพลังในการสร้างสรรค์ มีอำนาจคุ้มครองป้องกันอัปมงคล เสนียดจัญไร และถือว่าเป็นโชคลาง โดยมีข้อสังเกตว่า ถ้าหยกที่สวมใส่อยู่นั้นมีสีสันสดใสขึ้น แปลว่า กำลังจะมีโชคดี แต่ในทางกลับกัน ถ้าหยกนั้นมีความหมองมัวหรือเห็นรอยแตกร้าว ชัดเจนก็เชื่อกันว่า กำลังจะมีเคราะห์ร้ายเกิดขึ้น ชาวจีนนิยมนำหยกมาแกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น ปลา เต่า จิ้งหรีด หน้าเสือ หน้าเสือสองหน้า เรียกว่า เต๋าเตี่ย (Tao Tieh) ใช้เป็นเครื่องลาง บางทีก็ประกอบกีบความเชื่อ เช่น นำมาแกะเป็นรูปกลมแบนมีรูตรงกลาง เป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ เรียกว่า ปิ (Pi) เพราะถือว่าสวรรค์กลม และนำมาแกะเป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็นสัญลักษณ์ เรียกว่า จุง (Tsung) เพราะถือว่าโลกเป็นรูปสี่เหลี่ยม << คลิ๊กดู วีดีโอ >>
กลับหน้าเดิม |